หลักการใช้Positive DivergenceหรือBullish Divergence
เมื่อเราพบการเกิดPositive
divergenceในdown trend สิ่งที่เราจะต้องทำคือรอที่ราคาจะbreakแนวต้านแล้วค่อยซื้อตามดังตัวอย่างข้างล่าง
จากรูปเราจะพบว่าเกิดpositive divergenceขึ้น
แต่เนื่องจากtrendตอนนี้เป็นdown trendจึงเป็นการดีที่เราควรจะรอจนกว่าราคาได้breakแนวต้านสำคัญได้ก่อนจึงค่อยfollow buyตามลูกศรสีเหลือง
จากรูปจะเห็นด้วยว่าราคาที่บริเวณลูกศรสีเหลืองชี้
นอกจากจะผ่านแนวต้านมาได้แล้ว
ในส่วนของMACDก็ได้ผ่านcenter lineมาด้วย
จึงเป็นการยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้มอีกทางหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อสัญญาณต่างๆยืนยันขนาดนี้ควรเสี่ยงที่จะfollow buy พร้อมกับตั้งจุดstop lossที่บริเวณlowทางด้านซ้ายมือ
หลักการใช้Negative้ divergence
เมื่อเราพบnegative divergenceในup trendควรที่จะรอให้ราคาหลุดแนวรับสำคัญก่อนถึงจะขายดังรูปตัวอย่างที่แสดงอยู่ข้างล่าง
|
จากรูปเราได้เห็นการเกิดnegative
divergenceขึ้น
แต่ก็พบว่าราคาเมื่อมีการปรับตัวลงมาตรงบริเวณเส้นสีดำจะมีการดีดตัวกลับขึ้นไป
ดังนั้นบริเวณเส้นสีดำจึงถือเป็นแนวรับสำคัญ ตราบเท่าที่ราคายังไม่หลุดต่ำกว่าบริเวณนี้เราไม่ควรจะขาย
จะขายหรือTake profitสำหรับนักลงทุนที่มีการซื้อมาตั้งแต่ราคายังอยู่ต่ำกว่าเส้นสีดำก็ต่อเมื่อราคาได้หลุดเส้นสีดำไปแล้วเท่านั้น
จากตัวอย่างเรียกได้ว่าการเกิดdivergenceนั้นเป็นสัญญาณเตือนให้เราคอยระวังการเปลี่ยนเทรน
ไม่ได้หมายความว่าทันทีที่เกิดdivergenceราคาจะมีการเปลี่ยนทิศทางในทันที
ดังนั้นการtake actionควรเกิดต่อเมื่อราคาได้ทำการปรับตัวทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญไปแล้วเท่านั้น
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น มาดูรูปภาพใหญ่ของตัวอย่างการเกิดNegative
divergenceกันเพื่อทำความเข้าใจกันมากขึ้น
จากรูปจะเห็นได้ว่าภาพใหญ่ของมันเป็นup
trendที่แข็งแกร่งมาก การที่เราเทรดสวนtrendโดยที่ยังไม่หลุดแนวรับหรือแนวต้านสำคัญจะทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเจ็บตัว
การเทรดสวนtrendโดยไม่ดูตาม้าตาเรือซึ่งจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือการที่เราคาดหวังที่จะขายให้ได้ราคาที่สูงที่สุด
คือเห็นมันกลับตัวก็ขอโดดออกไปก่อนแล้วซึ่งในกรณียังดีเพราะว่าแค่ขายหมูไปเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่เล่นฟิวเจอร์หรือพวกตราสารอนุพันธ์ต่างๆ พอเห็นnegative
divergenceก็กระโดดเข้าไปเลย อารมณ์ประมาณว่า
เอาหว่ะ!!..ขอกูshortที่ยอดสักทีเถอะ ไหนๆก็เห็นแล้วว่าเกิดnegative divergenceชัดขนาดนี้(ย้อนกลับไปดูรูปตัวอย่างของnegative
divergence) จะรวยก็คราวนี้หล่ะ shortเสร็จก็หลับฝันหวาน ปรากฏว่าตอนเช้าตื่นมา เฮ้ย!! ..ไหงราคามันกลับขึ้นไปได้หว่า
แล้วปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร มันเกิดnegative divergenceแล้ว เดี๋ยวต้องลง มีวินัยไว้ ใจเย็น กลับไปนอนฝันหวานอีกคืน ตื่นมาอีกวัน ไอ่หย๋า!!..ทำNew high ไหนตำราว่ามันเป็นdivergenceไง ใจเย็นไว้ เชื่อตำรา อดทนไว้ เดี๋ยวมันก็ลง เราต้องมีวินัย แต่ว่าปรากฏว่าหลังจากวันนั้นราคาก็ได้ทำhighใหม่ไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้แต่บ่นว่าdivergenceเท่ากับไดเวอร์เจ๊ง จากตัวอย่างนี้ก็ไม่ผิดที่จะshortเมื่อเกิดnegative divergenceแต่ผิดที่ลืมกฏข้อที่หนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ"อย่าเทรดสวนtrend"และข้อผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าคือการยึดวินัยจอมปลอมที่ตัวเองได้ตั้งขึ้นมาปลอบใจตัวเอง
เพราะอันที่จริงวินัยที่ถูกต้องคือนักลงทุนควรจะมีจุดstop lossตั้งแต่การเข้าซื้อขายแต่แรก
ในกรณีนี้เมื่อราคาได้ทำhighใหม่ นักลงทุนควรจะstop lossตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว
แต่นักลงทุนคนนี้ติดกับดักความคิดของตัวเองกอดความผิดพลาดของตัวเองจนdivergenceกลายเป็นไดเวอร์เจ๊งไปโดยปริยาย
|
<3 this blog cheer up :)
ตอบลบ