SET

SET FX
Commodities are powered by Investing.com UK

วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เทรดตามแพทเทิร์น:Shark

  1. ราคาวิ่งจาก0ไปยอดX
  2. หลังจากนั้นยอดXไปจุดต่ำA
  3. จาก0ถึงB=1.13-1.618ของ0X
  4. ราคาจากยอด Bไปยังจุดต่ำC เป็นสัดส่วนเท่ากับ1.618-2.24ของAB
  5. ระยะจากยอดBถึงC(BC)=0.886-1.13ของ0X 
  6. รูปแบบนี้มียอดBสูงกว่ายอดXและจุดต่ำCต่ำกว่าจุดต่ำ0

เทรดตามแพทเทิร์น:Alternate Bat

รูปแบบ Bat


  1. ราคาวิ่งจากXไปA
  2. ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในน้อยกว่า 0.382ของXAหรือน้อยกว่า
  3. ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
  4. มักCDจะมีระยะprojectionของBCที่2.0(2.0BC)
  5. เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง1.13ของXA
  6. มักจะเป็นExtened โดยมากจะมี1.618AB=CD
 สรุปได้ตามข้างล่างนี้

  • AB= 0.382 XA
  • 1.618AB=CD
  • AB= น้อยกว่าหรือเท่ากับ0.382 XA
  • AD= 1.13XA
ใช้ได้ดีกับRSI BAMM Divergence setup

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เทรดตามแพทเทิร์น:Crab

จุดเด่นของButterflyและCrabคือจุดDจะอยู่ต่ำกว่าจุดX(Bullish pattern)หรือ
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)


รูปแบบ Crab
  1. ราคาวิ่งจากXไปA
  2. ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ที่0.618ของXA
  3. ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.382-0.886ของAB
  4. จุดD
  • D= 1.27AB
  • D= 1.62XA
  • D= 2.62-3.62BC (บางครั้งวิ่งไปถึง2.24BC,2.619BC,3.14BC,3.618BC)
    5.จุดDอยู่ต่ำกว่าจุดX
    6.เมื่อราคาวิ่งเลยจุดXไปแล้ว อาจจะมีสัญญาณว่าราคากำลังวิ่งไปที่1.62ของXA

สรุปได้ตามข้างล่างนี้


  • AB= 0.618XA
  • BD= 2.28-3.14 XA
  • XD= 1.618 XA
วิธีการเข้าซื้อ
  • เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
Stop loss
  • เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
เป้าหมาย
  1. จุดB
  2. จุดC
  3. จุดA 

เทรดตามแพทเทิร์น:Butterfly

จุดเด่นของButterflyและCrabคือจุดDจะอยู่ต่ำกว่าจุดX(Bullish pattern)หรือ
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)


รูปแบบ Butterfly

  1. ราคาวิ่งจากXไปA
  2. ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในระหว่าง 0.786เป็นอย่างน้อยจนถึง 0.886ของXA(แต่การอยู่ที่ระดับ0.786XAให้ความแม่นยำสูงกว่า)
  3. ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.382-0.886ของAB
  4. จุดCต้องไม่สูงเกินจุดA
  5. เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง1.27ของXA เป็นอย่างน้อยอันนี้สำคัญมาก บางครั้งไปถึง1.618XAก็มี(จุดDต้องอยู่ต่ำกว่าจุดX)
  6. BCไปDเป็น2.00BC,2.24BCและ2.618BC
  7. โดยส่วนมากถ้าBวิ่งมาที่บริเวณ0.786ของXA จุดDจะอยู่ใกล้กับ1.27ของXA
  8. AB= CD(ถ้าเป็นรูปแบบButterflyสมบูรณ์แบบ) บ่อยครั้งที่AB=1.27CDหรือ1.618CDก็ใช้ได้
สรุปได้ตามข้างล่างนี้

  • AB= 0.786XA
  • BC= 0.382-0.886AB
  • XD= 1.27 XA
วิธีการเข้าซื้อ
  • เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
Stop loss
  • เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
เป้าหมาย
  1. 100%ของAD(วัดจากจุดD)
  2. 162%ของระยะXA(วัดจากจุดD)
  3. ถ้าราคาวิ่งไปเหนือกว่าจุดAแล้วควรวางtrailing stop(เฉพาะรูปแบบbullish butterfly
 หมายเหตุ

 สังเกตุ ต้องมีlower lowและจากAมาBต้องเป็นอย่างน้อย0.786ของXA
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง

เทรดตามแพทเทิร์น:Bat

รูปแบบbatอยู่ในตระกูลเดียวกับgartleyแต่มีส่วนที่ต่างกันคือตามข้อที่ไฮไลท์ข้างล่าง
รูปแบบ Bat

  1. ราคาวิ่งจากXไปA
  2. ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในน้อยกว่า 0.618ของXA (โดยมากจะอยู่ที่0.50และ0.382ของXA)
  3. ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
  4. มักCDจะมีระยะprojectionของBCที่1.618(1.618BC)
  5. เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง0.886ของXA
  6.  ถ้าเป็นExtened Batโดยมากจะมี1.27AB=CD
 สรุปได้ตามข้างล่างนี้

  • AB= 0.50 XA
  • AB= CD
  • AB= 0.50-0.62 XA
  • AD= 0.886 XA
วิธีการเข้าซื้อ
  • เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
  • เข้าซื้อ 1 tick sizeสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ยืนยันการกลับตัว
Stop loss
  • เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดXหรือ 1 tick size ต่ำกว่าจุด X
เป้าหมาย
  1. ราคาแถวบริเวณจุดA
  2. 1.27ของระยะXA
  3. 1.62-2.0ของระยะXA
ดูการสรุปข้อแตกต่างของBatและGartleyได้ตามรูป
หมายเหตุ 

สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.886ของXAไหม?

เทรดตามแพทเทิร์น:Gartley

ในตอนเริ่มต้นที่มีรูปแบบนี้ ไม่ได้มีการกำหนดค่าของFibonacci Retracementตายตัว แต่เริ่มมีการมากำหนดภายหลังและพบว่าถ้ามีจุดB=0.618XAและD=0.786XAจะให้ค่าที่แม่นยำ ที่สำคัญคือAB=CD

รูปแบบ Gartley
  1. ราคาวิ่งจากXไปA
  2. ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในระหว่าง 0.382-0.618ของXA( แต่ให้ผลที่แม่นยำควรอยู่ที่0.618XA)
  3. ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
  4. ระยะCD มักจะมีระยะprojectionของBCที่1.27หรือ1.618(1.27หรือ1.618BC)
  5. เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง0.618-0.786(แต่ให้ผลที่แม่นยำควรอยู่ที่0.786XA)
สรุปได้ตามข้างล่างนี้

  • AB= 0.618 XA
  • AB= CDอันนี้สำคัญมากเป็นจุดเด่น
  • AB= 0.382-0.886 XA
  • AD= 0.786 XA
วิธีการเข้าซื้อ
  • เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
Stop loss
  • เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
เป้าหมาย
  1. ราคาแถวบริเวณจุดCหรือA
  2. 1.27-1.62ของระยะAD
 หมายเหตุ

 สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.786ของXAไหม?
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง

เทรดตามแพทเทิร์น:Symmetry (AB=CD)

เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันมากและพบได้ในทุกTime Frame หลักโดยทั่วไปจะใช้การคำนวณราคาและเวลาเพื่อที่จะยืนยันรูปแบบ วิธีการเทรดแบบนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่ารูปแบบอื่นๆ

รูปแบบ AB=CD

  • AB=CD ถ้าเป็นรูปแบบสมบูรณ์ควรมีระยะจากBไปCเท่ากับ 0.618AB
  • โดยทั่วไประยะจากBไปCเท่ากับ 0.618-0.786AB
  • ถ้าBC=0.618AB;CD=1.618BC
  • ถ้าBC=0.786AB;CD=1.27BC

วิธีการเข้าซื้อขาย

  • หลังจากที่ราคาวิ่งกลับจากจุดCมายืนเหนือBแล้ว ให้เข้าซื้อ 1 tick sizeที่สูงกว่าจุดB
Stop loss
  • 1 tick sizeจากLowของจุดC
เป้าหมาย
  • ถ้าระยะของBC น้อยกว่า 50% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะเท่ากับ100%ของAB
  • ถ้าระยะของBC มากกว่า 50% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะน้อยกว่าหรือเท่ากับ100%ของAB
  • เราคาดการณ์ต่อไปได้ว่าจากCถึงDจะเท่ากับระยะทางของAB(100%)
  • ถ้าระยะของBC เท่ากับ 88.6% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะเท่ากับ127-138%ของAB หรือจะเท่ากับ 127%ของBC
  • เราคาดการณ์ต่อไปได้ว่าจากCถึงDจะเท่ากับระยะทางของAB(127-138%)

เทรดตามแพทเทิร์น:MSL

หลักการเทรด

แบบที่ 1

  1. เอาราคาปิดเป็นหลัก
  2. ดูที่ราคาของแท่งเทียนสามแท่งย้อนหลัง
  3. ราคาปิดของแท่งเทียนที่สองสูงกว่าแท่งเทียนที่หนึ่ง
  4. ราคาปิดของแท่งเทียนที่สามสูงกว่าแท่งเทียนที่สอง
  5.  เข้าLongเมื่อราคาปิดของแท่งเทียนถัดไปสูงกว่าแท่งเทียนที่สาม 
แบบที่ 2 
  1. แท่งเทียนที่สองทำจุดต่ำสุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรก(lower low )
  2. แท่งเทียนที่สามทำจุดต่ำสุดสูงกว่าแท่งเทียนที่สอง(higher low)
  3. เข้าLongเมื่อมีแท่งเทียนถัดไปปิดสูงกว่าจุดสูงสุด(high)ของแท่งเทียนที่ 3
หลักการStop Loss 
  • วางSTOP LOSSที่จุดต่ำสุดของรูปแบบราคา(โดยทั่วไปเป็นราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งเทียนที่สอง)
เป้าหมาย
  1. วางเป้าหมายเมื่อเกิดการกลับตัวในแบบMSHบริเวณแนวรับสำคัญ
  2. ใช้Trailing stopเมื่อราคาเกิดกลับขึ้นมาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่างนี้

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เทรดตามแพทเทิร์น: ABC

รูปแบบABCนี้ถูกอธิบายครั้งแรกโดยหนังสือของH.M. Gartley "Profits in the Stock Market"(1935)

รูปแบบABCเป็นการคาดเดาถึงจุดกลับตัวในอนาคตที่จะเกิดขึ้น โดยคาดเดาจากความยาวของราคาที่วิ่งจากจุดAไปที่จุดBและจากจุดBไปยังจุดC

หลักการ
  1. เมื่อราคาวิ่งจากจุดAไปยังจุดBแล้ว เมื่อมีจากกลับตัวคือจากจุดBมายังจุดC ราคาจะวิ่งมาเป็นสัดส่วนตั้งแต่38.2-61.8%ของจุดAไปจุดB
  2. เมื่อราคาวกกลับจากจุด C หรือเมื่อจุด C หาจุดต่ำสุดของมันได้แล้ว เราจะคาดเดาราคาได้ว่าราคาจะวิ่งจากจุดต่ำสุดของจุด C (low C) เป็นระยะทางเท่ากับจุด A ไปยังจุด B (100%ของAไปB)
  3. อีกเป้าหมายหนึ่งคือราคาจะวิ่งต่ำสุดของ Cไปจนถึงประมาณ 127% ของระยะทางจากจุด B มายัง C
การทำการซื้อขาย


การเข้าซื้อ

  • เมื่อราคาปิดเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่ทำจุดต่ำสุดได้ให้ซื้อ
การเข้าขาย
  • เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดได้ให้ขาย

Stop loss

ซื้อ
  •  ต่ำกว่าราคาต่ำสุดของจุด C
ขาย
  •  สูงกว่าราคาสูงสุดของจุด C
เป้าหมาย 

ซื้อ

  • 100% ของระยะทางAB
  • 127% ของระยะทาง BC
ขาย 
  • 100% ของระยะทางAB
  • 127% ถึง 138% ของระยะทาง BC

เทรดตามแพทเทิร์น:Market Fractals

เราก็รู้กันดีอยู่ว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวสะท้อนทุกสิ่งอย่างที่เข้ามากระทบ การเทรดแบบFractalนั้นเชื่อว่าท้ายสุดแล้วไม่ว่าราคาจะวิ่งอย่างไม่มีแบบแผนแค่ไหน แต่ที่จริงแล้วมันมีความคล้ายกันอยู่ ฉะนั้นถ้าเราหาความคล้ายนั้นได้ย่อมคาดเดารูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

วิธีการหาFractal pattern

การเข้าซื้อ
  1. มีแท่งเทียน 3 แท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่ติดกัน(higher highs)
  2. หลังจากนั้นมีแท่งเทียน 2 แท่งที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ติดกัน (lower lows)
  3. สุดท้ายแท่งเทียนแท่งที่ 6 สามารถที่จะปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของกลุ่มแท่งเทียนทั้งห้าแท่งนี้ได้
  4. เข้าซื้อทันทีในแท่งที่ 7

การเข้าขาย
  1. มีแท่งเทียน 3 แท่งเทียนที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ติดกัน(lower lows)
  2. หลังจากนั้นมีแท่งเทียน 2 แท่งที่ทำจุดสูงสุดใหม่ติดกัน (higher highs)
  3. สุดท้ายแท่งเทียนแท่งที่ 6 สามารถที่จะปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของกลุ่มแท่งเทียนทั้งห้าแท่งนี้ได้
  4. ขายทันทีในแท่งที่ 7
Stop Loss

ซื้อ
  • เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของกลุ่มแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบFractal
 ขาย
  • เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของกลุ่มแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบFractal
เป้าหมาย

ซื้อ
  • บริเวณที่มีการแกว่งตัวของราคาสูงสุดเดิมหรือยอดสูงที่ใกล้ที่สุดเดิม
ขาย
  •  บริเวณที่มีการแกว่งตัวของราคาต่ำสุดเดิมหรือยอดต่ำที่ใกล้ที่สุดเดิม
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่างนี้ 


เทรดตามแพทเทิร์น:FibZones

การเทรดด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับการเทรดในTime Frameรายวันขึ้นไป เป็นการเอาราคาOpen,High, and Closeของทั้งวันมาคำนวณตามสูตรเพื่อหาจุดกลับตัวของวันถัดไป

สูตรการคำนวณมีดังต่อไปนี้

จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
ช่วงของราคาใน 1 วัน(DR) =(H-L)
แนวต้านแรก(R1) = PP+(0.5*DR)
แนวต้านที่สอง(R2) = PP+DR
แนวรับแรก (S1) = PP-(0.5*DR)
แนวรับที่สอง(S2)=(PP-DR)

กรอบแนวต้านแรก(RB1) = PP+(0.618*DR)
กรอบแนวรับแรก(SB1) = PP-(0.618*DR)

กรอบแนวต้านที่สอง(RB2) = PP+(1.382*DR)
กรอบแนวรับที่สอง(SB2) = PP-(1.382*DR) 

ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง

  

เทรดตามแพทเทิร์น:Opening Range Pivots

เป็นกลยุทธ์ที่ใช้สำหรับการเทรดในวัน

การกำหนดกลยุทธ์
  1. เลือกTime Frameที่ต้องการเทรดโดยมากจะอยู่ที่ราย 15 นาที, 30 นาที,และ 60 นาที
  2. เมื่อเลือกได้แล้วเอาราคาแท่งแรกของวันมาหาราคา
  3. ถ้าตลาดวันนั้นเป็นขาขึ้น ราคาจะวิ่งไปเหนือกว่าราคาสูงสุดของแท่งรายชั่วโมงแท่งแรกของวันได้
  4. ในทางกลับกันถ้าตลาดเป็นขาลง ราคาจะวิ่งลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งรายชั่วโมงแท่งแรกของวันได้
สูตรการคำนวณราคา

จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
แนวต้านแรก(R1)=(2*PP)-L
แนวรับแรก(S1)= (2*PP)-H
แนวต้านที่สอง(R2)=PP+(R1-S1)
แนวรับที่สอง(S2)=PP-(R1-S1)
แนวต้านที่สาม(R3)=R1+(H-L)
แนวรับที่สาม(S3)=S1-(H-L)

การเข้าซื้อขาย
  • เข้าซื้อเมื่อราคาวิ่งทะลุจุดสูงสุดของแท่งแรกได้
  • เข้าขายเมื่อราคาลงทะลุจุดต่ำสุดของแท่งแรกได้
การตั้งStop Loss
  • ตั้งให้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของจุดกลับตัวเล็กน้อยสำหรับการเข้าซื้อ
  • ตั้งให้สูงกว่าจุดสูงสุดของจุดกลับตัวเล็กน้อยสำหรับการขาย
เป้าหมาย
  • ตามแนวรับหรือแนวตามที่คำนวณได้ตามสูตรข้างบน
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่างนี้

เทรดตามแพทเทิร์น:n-Bar Rallies/Declines

เวลาที่ตลาดทำราคาสูงสุดใหม่(New High)หรือราคาต่ำสุดใหม่(New Low)มักจะดึงดูดให้นักลงทุนที่เล่นตามการสวิงของตลาดเข้ามาร่วมเล่น ราคาจะพุ่งสูงขึั้นเรื่อยๆจนนักลงทุนในตลาดหมดความสนใจการซื้อหรือราคาลงต่ำลงเรื่อยๆจนนักลงทุนไม่มีอยากที่ขายอีกต่อไป เวลานี้เองที่ตลาดจะเริ่มทำการกลับตัว การเข้าทำการซื้อขายนี้ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากแต่หากคำนวณRisk/Reward ratioแล้ว นักลงทุนรับได้ รูปแบบn-Bar Rallies/Declinesเหมาะที่จะใช้กับสถานการณ์แบบนี้

การเข้าซื้อขาย
  1. เกิดแนวโน้มมาอย่างต่อเนื่องและทำราคาสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่เรื่อยๆติดต่อกันอย่างน้อย 21 แท่งเทียน
  2. ต้องมีแท่งเทียนอย่างน้อย 3 แท่งที่ทำราคาสูงสุดใหม่(H3>H2>H1)หรือต่ำสุดใหม่(L3<L2<L1)อย่างเห็นได้ชัด
  3. เมื่อเริ่มมีสัญญาณกลับตัวให้เข้าซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า 1 Tick Size
  4. เมื่อเริ่มมีสัญญาณกลับตัวให้เข้าขายที่ราคาต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า 1 Tick Size
จุดStop Loss
  • สำหรับการเข้าซื้อให้ตั้งที่ต่ำกว่าราคาต่ำที่สุดของแท่งเทียนในกลุ่มที่มีสัญญาณกลับตัว(Bottom)
  • สำหรับการเข้าขายให้ตั้งที่สูงกว่าราคาสูงที่สุดของแท่งเทียนในกลุ่มที่มีสัญญาณกลับตัว(Top) 
เป้าหมาย
  • ตั้งที่62-100%ของระยะทางของแท่งเทียน 3 แท่งที่มีการทำราคาสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่อย่างเห็นได้ชัด
  • ออกเมื่อมีการสวิงของราคามากๆอีกครั้งเช่น แท่งเทียนที่มีการเปิดกระโดดปิดต่ำ,แท่งเทียนราคาแกว่งจากจุดสูงสุดไปต่ำสุดห่างกันมาก 
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่างนี้

เทรดตามแพทเทิร์น:Matching Highs/Lows

รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นตอนที่จะจบเทรนด์ขาลง(Bottom)หรือเทรนด์ขาขึ้น(Top) ราคาได้วิ่งมาถึงจุดที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญและได้มีความพยายามที่จะเบรคแนวรับหรือแนวต้านนี้แต่ไม่สามารถจะผ่านไปได้(อย่างน้อย 3 แท่งเทียนขึ้นไป) โดยที่แท่งเทียนทั้งหมดในกลุ่มมีราคาต่ำสุดหรือสูงสุดที่เท่ากัน รูปแบบนี้จะมีความแม่นยำสูงเวลาที่เกิดขึ้นในTime Frameระดับวันหรือระดับสัปดาห์

การเข้าซื้อขาย
  1. เข้าซื้อเมื่อราคาขึ้นไปสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่เบรคกลุ่มราคาMatching Lowsได้
  2. เข้าขายเมื่อราคาลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่เบรคกลุ่มราคาMatching Highsได้
จุดStop Loss
  1. ตั้งStopที่ต่ำกว่าราคาต่ำสุดในกลุ่มMatching Lowsเมื่อทำการเข้าซื้อไปแล้ว
  2. ตั้งStopที่สูงกว่าราคาสูงสุดในกลุ่มMatching Highsเมื่อทำการเข้าขายไปแล้ว
เป้าหมาย

  • เอาความยาวของแท่งที่เบรค(H-L)
  • เอาความยาวนี้นับไปจากจุดที่เข้าซื้อหรือเข้าขาย
   2.
  • เอาความยาวของแท่งที่เบรค(H-L)
  • เอาความยาวนี้X2 (สองเท่า)แล้วนับไปจากจุดที่เข้าซื้อหรือเข้าขาย
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่างนี้ 


เทรดตามแพทเทิร์น: 3LPB

3LPBหรือThree Line Price Breakเป็นแพทเทิร์นที่เทรดโดยเอาราคาปิดของแท่งเทียนเป็นหลัก
หลักการมีดังต่อไปนี้
รูปแบบ
  1. เกิดแท่งเทียนสีขาวที่เป็นThree Black CrowsหรือThree White Soldiers อธิบายง่ายๆคือเกิดแท่งเทียนแดงใหญ่ๆที่ราคาต่ำกว่าแท่งก่อนหน้าติดกันสามแท่งหรือเกิดแท่งเทียนเขียวใหญ่ๆที่ราคาปิดสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าติดกันสามแท่ง
  2. หลังจากนั้นเกิดแท่งเทียนที่สี่ที่ราคาเปิดเป็นราคาสููงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า(ในขาลง)หรือหลังจากนั้นเกิดแท่งเทียนที่สี่ที่ราคาเปิดเป็นราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า(ในขาขึ้น)
  3. ราคาปิดของแท่งเทียนที่สี่ต้องสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่หนึ่ง(ในขาลง) หรือราคาปิดของแท่งเทียนที่สี่ต้องสูงกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่หนึ่ง(ในขาขึ้น) เราเรียกแท่งเทียนที่สี่นี้ได้ว่าเกิดสัญญาณกลับตัว
การเข้าLong
  • เข้าLongที่ราคาเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สี่
การเข้าShort
  • เข้าShortที่ราคาต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สี่
Stop loss ฝั่งlong
  • ตั้งที่ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค

Stop loss ฝั่งshort
  • ตั้งที่ราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค
เป้าหมาย
  1. ออกเมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว
  2. ตั้งเป้าหมายที่สองเท่าของความยาวของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค

หมายเหตุ ความแม่นยำของรูปแบบนี้จะมีสูงเเมื่อเกิดรูปแบบบริเวณแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เทรดตามแพทเทิร์น:MSH

วันนี้เราจะมาพูดถึงการเทรดตามรูปแบบราคากันหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า"Price Pattern" รูปแบบแรกที่จะขอนำเสนอคือMSH(Market Structure High) เนื่องจากว่ามีหลายทฤษฎีในการเทรดรูปแบบนี้ แต่การเทรดที่จะให้ความแม่นยำมากที่สุดคือเมื่อรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อถึงแนวต้านที่สำคัญ เช่น แนวต้านตามFibonacci,แนวต้านเดิมๆ,ฯลฯ

หลักการเทรด

แบบที่ 1

  1. เอาราคาปิดเป็นหลัก
  2. ดูที่ราคาของแท่งเทียนสามแท่งย้อนหลัง
  3. ราคาปิดของแท่งเทียนที่สองต่ำกว่าแท่งเทียนที่หนึ่ง
  4. ราคาปิดของแท่งเทียนที่สามต่ำกว่าแท่งเทียนที่สอง
  5.  เข้าShortเมื่อราคาปิดของแท่งเทียนถัดไปต่ำกว่าแท่งเทียนที่สาม 
แบบที่ 2
  1. แท่งเทียนที่สองทำจุดสูงสุดกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนแรก(higher high)
  2. แท่งเทียนที่สามทำจุดสูงสุดต่ำกว่าแท่งเทียนที่สอง(lower high)
  3. เข้าshortเมื่อมีแท่งเทียนถัดไปปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุด(low)ของแท่งเทียนที่ 3
หลักการStop Loss 
  • วางSTOP LOSSที่จุดสูงสุดของรูปแบบราคา(โดยทั่วไปเป็นราคาสูงสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งเทียนที่สอง)
เป้าหมาย
  1. วางเป้าหมายเมื่อเกิดการกลับตัวในแบบMSLบริเวณแนวรับสำคัญ
  2. ใช้Trailing stopเมื่อราคาเกิดกลับขึ้นมาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
ตัวอย่างตามรูปข้างล่าง