- ราคาวิ่งจาก0ไปยอดX
- หลังจากนั้นยอดXไปจุดต่ำA
- จาก0ถึงB=1.13-1.618ของ0X
- ราคาจากยอด Bไปยังจุดต่ำC เป็นสัดส่วนเท่ากับ1.618-2.24ของAB
- ระยะจากยอดBถึงC(BC)=0.886-1.13ของ0X
- รูปแบบนี้มียอดBสูงกว่ายอดXและจุดต่ำCต่ำกว่าจุดต่ำ0
มีความตั้งใจจะเขียนblogนี้เพื่อแบ่งปันความรู้ที่มีอยู่ให้กับเพื่อนนักลงทุน วันนี้นึกอะไรขึ้นได้ อยากจะเขียนอะไรก็เขียนไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีระเบียบแบบแผนอะไร (แต่ความรู้ที่นำมาแบ่งปันมีแหล่งอ้างอิงนะจ๊ะ ไม่ได้นั่งเทียนเขียน) เหมือนกับเป็นเพื่อนมานั่งเล่าให้ฟังมากกว่า หวังว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านจะได้รับประโยชน์จากบทความไม่มากก็น้อย
วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เทรดตามแพทเทิร์น:Shark
เทรดตามแพทเทิร์น:Alternate Bat
รูปแบบ Bat
- ราคาวิ่งจากXไปA
- ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในน้อยกว่า 0.382ของXAหรือน้อยกว่า
- ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
- มักCDจะมีระยะprojectionของBCที่2.0(2.0BC)
- เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง1.13ของXA
- มักจะเป็นExtened โดยมากจะมี1.618AB=CD
- AB= 0.382 XA
- 1.618AB=CD
- AB= น้อยกว่าหรือเท่ากับ0.382 XA
- AD= 1.13XA
วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เทรดตามแพทเทิร์น:Crab
จุดเด่นของButterflyและCrabคือจุดDจะอยู่ต่ำกว่าจุดX(Bullish pattern)หรือ
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)
รูปแบบ Crab
6.เมื่อราคาวิ่งเลยจุดXไปแล้ว อาจจะมีสัญญาณว่าราคากำลังวิ่งไปที่1.62ของXA
สรุปได้ตามข้างล่างนี้
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)
รูปแบบ Crab
- ราคาวิ่งจากXไปA
- ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ที่0.618ของXA
- ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.382-0.886ของAB
- จุดD
- D= 1.27AB
- D= 1.62XA
- D= 2.62-3.62BC (บางครั้งวิ่งไปถึง2.24BC,2.619BC,3.14BC,3.618BC)
6.เมื่อราคาวิ่งเลยจุดXไปแล้ว อาจจะมีสัญญาณว่าราคากำลังวิ่งไปที่1.62ของXA
สรุปได้ตามข้างล่างนี้
- AB= 0.618XA
- BD= 2.28-3.14 XA
- XD= 1.618 XA
- เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
- เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
- จุดB
- จุดC
- จุดA
เทรดตามแพทเทิร์น:Butterfly
จุดเด่นของButterflyและCrabคือจุดDจะอยู่ต่ำกว่าจุดX(Bullish pattern)หรือ
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)
รูปแบบ Butterfly
สังเกตุ ต้องมีlower lowและจากAมาBต้องเป็นอย่างน้อย0.786ของXA
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง
จุดDจะอยู่สูงกว่าจุดX(Bearish pattern)
รูปแบบ Butterfly
- ราคาวิ่งจากXไปA
- ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในระหว่าง 0.786เป็นอย่างน้อยจนถึง 0.886ของXA(แต่การอยู่ที่ระดับ0.786XAให้ความแม่นยำสูงกว่า)
- ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.382-0.886ของAB
- จุดCต้องไม่สูงเกินจุดA
- เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง1.27ของXA เป็นอย่างน้อยอันนี้สำคัญมาก บางครั้งไปถึง1.618XAก็มี(จุดDต้องอยู่ต่ำกว่าจุดX)
- BCไปDเป็น2.00BC,2.24BCและ2.618BC
- โดยส่วนมากถ้าBวิ่งมาที่บริเวณ0.786ของXA จุดDจะอยู่ใกล้กับ1.27ของXA
- AB= CD(ถ้าเป็นรูปแบบButterflyสมบูรณ์แบบ) บ่อยครั้งที่AB=1.27CDหรือ1.618CDก็ใช้ได้
- AB= 0.786XA
- BC= 0.382-0.886AB
- XD= 1.27 XA
- เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
- เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
- 100%ของAD(วัดจากจุดD)
- 162%ของระยะXA(วัดจากจุดD)
- ถ้าราคาวิ่งไปเหนือกว่าจุดAแล้วควรวางtrailing stop(เฉพาะรูปแบบbullish butterfly
สังเกตุ ต้องมีlower lowและจากAมาBต้องเป็นอย่างน้อย0.786ของXA
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง
เทรดตามแพทเทิร์น:Bat
รูปแบบbatอยู่ในตระกูลเดียวกับgartleyแต่มีส่วนที่ต่างกันคือตามข้อที่ไฮไลท์ข้างล่าง
รูปแบบ Bat
หมายเหตุ
สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.886ของXAไหม?
รูปแบบ Bat
- ราคาวิ่งจากXไปA
- ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในน้อยกว่า 0.618ของXA (โดยมากจะอยู่ที่0.50และ0.382ของXA)
- ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
- มักCDจะมีระยะprojectionของBCที่1.618(1.618BC)
- เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง0.886ของXA
- ถ้าเป็นExtened Batโดยมากจะมี1.27AB=CD
- AB= 0.50 XA
- AB= CD
- AB= 0.50-0.62 XA
- AD= 0.886 XA
- เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
- เข้าซื้อ 1 tick sizeสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่ยืนยันการกลับตัว
- เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดXหรือ 1 tick size ต่ำกว่าจุด X
- ราคาแถวบริเวณจุดA
- 1.27ของระยะXA
- 1.62-2.0ของระยะXA
หมายเหตุ
สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.886ของXAไหม?
เทรดตามแพทเทิร์น:Gartley
ในตอนเริ่มต้นที่มีรูปแบบนี้ ไม่ได้มีการกำหนดค่าของFibonacci Retracementตายตัว แต่เริ่มมีการมากำหนดภายหลังและพบว่าถ้ามีจุดB=0.618XAและD=0.786XAจะให้ค่าที่แม่นยำ ที่สำคัญคือAB=CD
รูปแบบ Gartley
สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.786ของXAไหม?
รูปแบบ Gartley
- ราคาวิ่งจากXไปA
- ราคาจากAลงมาที่Bเป็นสัดส่วนอยู่ในระหว่าง 0.382-0.618ของXA( แต่ให้ผลที่แม่นยำควรอยู่ที่0.618XA)
- ราคาจากLow BไปยังC เป็นสัดส่วนเท่ากับ 0.618ของAB
- ระยะCD มักจะมีระยะprojectionของBCที่1.27หรือ1.618(1.27หรือ1.618BC)
- เมื่อราคาวิ่งจากจุดCมาที่D วัดระยะทางจากยอดAมาที่Dได้ค่าอยู่ในช่วง0.618-0.786(แต่ให้ผลที่แม่นยำควรอยู่ที่0.786XA)
- AB= 0.618 XA
- AB= CDอันนี้สำคัญมากเป็นจุดเด่น
- AB= 0.382-0.886 XA
- AD= 0.786 XA
- เมื่อราคามาสู่จุดD ต้องมีสัญญาณกลับตัวคือเกิดแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่, แท่งเทียนที่มีช่วงของราคาที่กว้าง, หรือเกิดแท่งเขียวใหญ่
- เมื่อราคาวิ่งต่ำกว่าจุดD
- ราคาแถวบริเวณจุดCหรือA
- 1.27-1.62ของระยะAD
สังเกตุดูหลังมีการทำยอดสูง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ราคาลง(AD)มาเป็นสัดส่วน0.786ของXAไหม?
เทรดตามแพทเทิร์น:Symmetry (AB=CD)
เป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันมากและพบได้ในทุกTime Frame หลักโดยทั่วไปจะใช้การคำนวณราคาและเวลาเพื่อที่จะยืนยันรูปแบบ วิธีการเทรดแบบนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่ารูปแบบอื่นๆ
รูปแบบ AB=CD
วิธีการเข้าซื้อขาย
รูปแบบ AB=CD
- AB=CD ถ้าเป็นรูปแบบสมบูรณ์ควรมีระยะจากBไปCเท่ากับ 0.618AB
- โดยทั่วไประยะจากBไปCเท่ากับ 0.618-0.786AB
- ถ้าBC=0.618AB;CD=1.618BC
- ถ้าBC=0.786AB;CD=1.27BC
วิธีการเข้าซื้อขาย
- หลังจากที่ราคาวิ่งกลับจากจุดCมายืนเหนือBแล้ว ให้เข้าซื้อ 1 tick sizeที่สูงกว่าจุดB
- 1 tick sizeจากLowของจุดC
- ถ้าระยะของBC น้อยกว่า 50% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะเท่ากับ100%ของAB
- ถ้าระยะของBC มากกว่า 50% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะน้อยกว่าหรือเท่ากับ100%ของAB
- เราคาดการณ์ต่อไปได้ว่าจากCถึงDจะเท่ากับระยะทางของAB(100%)
- ถ้าระยะของBC เท่ากับ 88.6% ของAB จะคาดคะเนได้ว่าระยะทางจากBไปCจะเท่ากับ127-138%ของAB หรือจะเท่ากับ 127%ของBC
- เราคาดการณ์ต่อไปได้ว่าจากCถึงDจะเท่ากับระยะทางของAB(127-138%)
เทรดตามแพทเทิร์น:MSL
หลักการเทรด
แบบที่ 1
แบบที่ 1
- เอาราคาปิดเป็นหลัก
- ดูที่ราคาของแท่งเทียนสามแท่งย้อนหลัง
- ราคาปิดของแท่งเทียนที่สองสูงกว่าแท่งเทียนที่หนึ่ง
- ราคาปิดของแท่งเทียนที่สามสูงกว่าแท่งเทียนที่สอง
- เข้าLongเมื่อราคาปิดของแท่งเทียนถัดไปสูงกว่าแท่งเทียนที่สาม
- แท่งเทียนที่สองทำจุดต่ำสุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรก(lower low )
- แท่งเทียนที่สามทำจุดต่ำสุดสูงกว่าแท่งเทียนที่สอง(higher low)
- เข้าLongเมื่อมีแท่งเทียนถัดไปปิดสูงกว่าจุดสูงสุด(high)ของแท่งเทียนที่ 3
- วางSTOP LOSSที่จุดต่ำสุดของรูปแบบราคา(โดยทั่วไปเป็นราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งเทียนที่สอง)
- วางเป้าหมายเมื่อเกิดการกลับตัวในแบบMSHบริเวณแนวรับสำคัญ
- ใช้Trailing stopเมื่อราคาเกิดกลับขึ้นมาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เทรดตามแพทเทิร์น: ABC
รูปแบบABCนี้ถูกอธิบายครั้งแรกโดยหนังสือของH.M. Gartley "Profits in the Stock Market"(1935)
รูปแบบABCเป็นการคาดเดาถึงจุดกลับตัวในอนาคตที่จะเกิดขึ้น โดยคาดเดาจากความยาวของราคาที่วิ่งจากจุดAไปที่จุดBและจากจุดBไปยังจุดC
หลักการ
การเข้าซื้อ
Stop loss
ซื้อ
ซื้อ
รูปแบบABCเป็นการคาดเดาถึงจุดกลับตัวในอนาคตที่จะเกิดขึ้น โดยคาดเดาจากความยาวของราคาที่วิ่งจากจุดAไปที่จุดBและจากจุดBไปยังจุดC
หลักการ
- เมื่อราคาวิ่งจากจุดAไปยังจุดBแล้ว เมื่อมีจากกลับตัวคือจากจุดBมายังจุดC ราคาจะวิ่งมาเป็นสัดส่วนตั้งแต่38.2-61.8%ของจุดAไปจุดB
- เมื่อราคาวกกลับจากจุด C หรือเมื่อจุด C หาจุดต่ำสุดของมันได้แล้ว เราจะคาดเดาราคาได้ว่าราคาจะวิ่งจากจุดต่ำสุดของจุด C (low C) เป็นระยะทางเท่ากับจุด A ไปยังจุด B (100%ของAไปB)
- อีกเป้าหมายหนึ่งคือราคาจะวิ่งต่ำสุดของ Cไปจนถึงประมาณ 127% ของระยะทางจากจุด B มายัง C
การเข้าซื้อ
- เมื่อราคาปิดเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่ทำจุดต่ำสุดได้ให้ซื้อ
- เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดได้ให้ขาย
Stop loss
ซื้อ
- ต่ำกว่าราคาต่ำสุดของจุด C
- สูงกว่าราคาสูงสุดของจุด C
ซื้อ
- 100% ของระยะทางAB
- 127% ของระยะทาง BC
- 100% ของระยะทางAB
- 127% ถึง 138% ของระยะทาง BC
เทรดตามแพทเทิร์น:Market Fractals
เราก็รู้กันดีอยู่ว่าราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นตัวสะท้อนทุกสิ่งอย่างที่เข้ามากระทบ การเทรดแบบFractalนั้นเชื่อว่าท้ายสุดแล้วไม่ว่าราคาจะวิ่งอย่างไม่มีแบบแผนแค่ไหน แต่ที่จริงแล้วมันมีความคล้ายกันอยู่ ฉะนั้นถ้าเราหาความคล้ายนั้นได้ย่อมคาดเดารูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้
วิธีการหาFractal pattern
การเข้าซื้อ
การเข้าขาย
ซื้อ
ซื้อ
วิธีการหาFractal pattern
การเข้าซื้อ
- มีแท่งเทียน 3 แท่งเทียนที่ทำจุดสูงสุดใหม่ติดกัน(higher highs)
- หลังจากนั้นมีแท่งเทียน 2 แท่งที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ติดกัน (lower lows)
- สุดท้ายแท่งเทียนแท่งที่ 6 สามารถที่จะปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของกลุ่มแท่งเทียนทั้งห้าแท่งนี้ได้
- เข้าซื้อทันทีในแท่งที่ 7
การเข้าขาย
- มีแท่งเทียน 3 แท่งเทียนที่ทำจุดต่ำสุดใหม่ติดกัน(lower lows)
- หลังจากนั้นมีแท่งเทียน 2 แท่งที่ทำจุดสูงสุดใหม่ติดกัน (higher highs)
- สุดท้ายแท่งเทียนแท่งที่ 6 สามารถที่จะปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของกลุ่มแท่งเทียนทั้งห้าแท่งนี้ได้
- ขายทันทีในแท่งที่ 7
ซื้อ
- เมื่อราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของกลุ่มแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบFractal
- เมื่อราคาปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของกลุ่มแท่งเทียนที่เป็นรูปแบบFractal
ซื้อ
- บริเวณที่มีการแกว่งตัวของราคาสูงสุดเดิมหรือยอดสูงที่ใกล้ที่สุดเดิม
- บริเวณที่มีการแกว่งตัวของราคาต่ำสุดเดิมหรือยอดต่ำที่ใกล้ที่สุดเดิม
เทรดตามแพทเทิร์น:FibZones
การเทรดด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับการเทรดในTime Frameรายวันขึ้นไป เป็นการเอาราคาOpen,High, and Closeของทั้งวันมาคำนวณตามสูตรเพื่อหาจุดกลับตัวของวันถัดไป
สูตรการคำนวณมีดังต่อไปนี้
จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
ช่วงของราคาใน 1 วัน(DR) =(H-L)
แนวต้านแรก(R1) = PP+(0.5*DR)
แนวต้านที่สอง(R2) = PP+DR
แนวรับแรก (S1) = PP-(0.5*DR)
แนวรับที่สอง(S2)=(PP-DR)
กรอบแนวต้านแรก(RB1) = PP+(0.618*DR)
กรอบแนวรับแรก(SB1) = PP-(0.618*DR)
กรอบแนวต้านที่สอง(RB2) = PP+(1.382*DR)
กรอบแนวรับที่สอง(SB2) = PP-(1.382*DR)
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง
สูตรการคำนวณมีดังต่อไปนี้
จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
ช่วงของราคาใน 1 วัน(DR) =(H-L)
แนวต้านแรก(R1) = PP+(0.5*DR)
แนวต้านที่สอง(R2) = PP+DR
แนวรับแรก (S1) = PP-(0.5*DR)
แนวรับที่สอง(S2)=(PP-DR)
กรอบแนวต้านแรก(RB1) = PP+(0.618*DR)
กรอบแนวรับแรก(SB1) = PP-(0.618*DR)
กรอบแนวต้านที่สอง(RB2) = PP+(1.382*DR)
กรอบแนวรับที่สอง(SB2) = PP-(1.382*DR)
ดูตัวอย่างตามรูปข้างล่าง
เทรดตามแพทเทิร์น:Opening Range Pivots
เป็นกลยุทธ์ที่ใช้สำหรับการเทรดในวัน
การกำหนดกลยุทธ์
จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
แนวต้านแรก(R1)=(2*PP)-L
แนวรับแรก(S1)= (2*PP)-H
แนวต้านที่สอง(R2)=PP+(R1-S1)
แนวรับที่สอง(S2)=PP-(R1-S1)
แนวต้านที่สาม(R3)=R1+(H-L)
แนวรับที่สาม(S3)=S1-(H-L)
การเข้าซื้อขาย
การกำหนดกลยุทธ์
- เลือกTime Frameที่ต้องการเทรดโดยมากจะอยู่ที่ราย 15 นาที, 30 นาที,และ 60 นาที
- เมื่อเลือกได้แล้วเอาราคาแท่งแรกของวันมาหาราคา
- ถ้าตลาดวันนั้นเป็นขาขึ้น ราคาจะวิ่งไปเหนือกว่าราคาสูงสุดของแท่งรายชั่วโมงแท่งแรกของวันได้
- ในทางกลับกันถ้าตลาดเป็นขาลง ราคาจะวิ่งลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งรายชั่วโมงแท่งแรกของวันได้
จุดกลับตัว(PP)=(H+L+C)/3
แนวต้านแรก(R1)=(2*PP)-L
แนวรับแรก(S1)= (2*PP)-H
แนวต้านที่สอง(R2)=PP+(R1-S1)
แนวรับที่สอง(S2)=PP-(R1-S1)
แนวต้านที่สาม(R3)=R1+(H-L)
แนวรับที่สาม(S3)=S1-(H-L)
การเข้าซื้อขาย
- เข้าซื้อเมื่อราคาวิ่งทะลุจุดสูงสุดของแท่งแรกได้
- เข้าขายเมื่อราคาลงทะลุจุดต่ำสุดของแท่งแรกได้
- ตั้งให้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของจุดกลับตัวเล็กน้อยสำหรับการเข้าซื้อ
- ตั้งให้สูงกว่าจุดสูงสุดของจุดกลับตัวเล็กน้อยสำหรับการขาย
- ตามแนวรับหรือแนวตามที่คำนวณได้ตามสูตรข้างบน
เทรดตามแพทเทิร์น:n-Bar Rallies/Declines
เวลาที่ตลาดทำราคาสูงสุดใหม่(New High)หรือราคาต่ำสุดใหม่(New Low)มักจะดึงดูดให้นักลงทุนที่เล่นตามการสวิงของตลาดเข้ามาร่วมเล่น ราคาจะพุ่งสูงขึั้นเรื่อยๆจนนักลงทุนในตลาดหมดความสนใจการซื้อหรือราคาลงต่ำลงเรื่อยๆจนนักลงทุนไม่มีอยากที่ขายอีกต่อไป เวลานี้เองที่ตลาดจะเริ่มทำการกลับตัว การเข้าทำการซื้อขายนี้ค่อนข้างจะมีความเสี่ยงมากแต่หากคำนวณRisk/Reward ratioแล้ว นักลงทุนรับได้ รูปแบบn-Bar Rallies/Declinesเหมาะที่จะใช้กับสถานการณ์แบบนี้
การเข้าซื้อขาย
การเข้าซื้อขาย
- เกิดแนวโน้มมาอย่างต่อเนื่องและทำราคาสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่เรื่อยๆติดต่อกันอย่างน้อย 21 แท่งเทียน
- ต้องมีแท่งเทียนอย่างน้อย 3 แท่งที่ทำราคาสูงสุดใหม่(H3>H2>H1)หรือต่ำสุดใหม่(L3<L2<L1)อย่างเห็นได้ชัด
- เมื่อเริ่มมีสัญญาณกลับตัวให้เข้าซื้อที่ราคาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า 1 Tick Size
- เมื่อเริ่มมีสัญญาณกลับตัวให้เข้าขายที่ราคาต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า 1 Tick Size
- สำหรับการเข้าซื้อให้ตั้งที่ต่ำกว่าราคาต่ำที่สุดของแท่งเทียนในกลุ่มที่มีสัญญาณกลับตัว(Bottom)
- สำหรับการเข้าขายให้ตั้งที่สูงกว่าราคาสูงที่สุดของแท่งเทียนในกลุ่มที่มีสัญญาณกลับตัว(Top)
- ตั้งที่62-100%ของระยะทางของแท่งเทียน 3 แท่งที่มีการทำราคาสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่อย่างเห็นได้ชัด
- ออกเมื่อมีการสวิงของราคามากๆอีกครั้งเช่น แท่งเทียนที่มีการเปิดกระโดดปิดต่ำ,แท่งเทียนราคาแกว่งจากจุดสูงสุดไปต่ำสุดห่างกันมาก
เทรดตามแพทเทิร์น:Matching Highs/Lows
รูปแบบนี้มักจะเกิดขึ้นตอนที่จะจบเทรนด์ขาลง(Bottom)หรือเทรนด์ขาขึ้น(Top) ราคาได้วิ่งมาถึงจุดที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญและได้มีความพยายามที่จะเบรคแนวรับหรือแนวต้านนี้แต่ไม่สามารถจะผ่านไปได้(อย่างน้อย 3 แท่งเทียนขึ้นไป) โดยที่แท่งเทียนทั้งหมดในกลุ่มมีราคาต่ำสุดหรือสูงสุดที่เท่ากัน รูปแบบนี้จะมีความแม่นยำสูงเวลาที่เกิดขึ้นในTime Frameระดับวันหรือระดับสัปดาห์
การเข้าซื้อขาย
การเข้าซื้อขาย
- เข้าซื้อเมื่อราคาขึ้นไปสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่เบรคกลุ่มราคาMatching Lowsได้
- เข้าขายเมื่อราคาลงไปต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่เบรคกลุ่มราคาMatching Highsได้
- ตั้งStopที่ต่ำกว่าราคาต่ำสุดในกลุ่มMatching Lowsเมื่อทำการเข้าซื้อไปแล้ว
- ตั้งStopที่สูงกว่าราคาสูงสุดในกลุ่มMatching Highsเมื่อทำการเข้าขายไปแล้ว
- เอาความยาวของแท่งที่เบรค(H-L)
- เอาความยาวนี้นับไปจากจุดที่เข้าซื้อหรือเข้าขาย
- เอาความยาวของแท่งที่เบรค(H-L)
- เอาความยาวนี้X2 (สองเท่า)แล้วนับไปจากจุดที่เข้าซื้อหรือเข้าขาย
เทรดตามแพทเทิร์น: 3LPB
3LPBหรือThree Line Price Breakเป็นแพทเทิร์นที่เทรดโดยเอาราคาปิดของแท่งเทียนเป็นหลัก
หลักการมีดังต่อไปนี้
รูปแบบ
Stop loss ฝั่งshort
หมายเหตุ ความแม่นยำของรูปแบบนี้จะมีสูงเเมื่อเกิดรูปแบบบริเวณแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ
หลักการมีดังต่อไปนี้
รูปแบบ
- เกิดแท่งเทียนสีขาวที่เป็นThree Black CrowsหรือThree White Soldiers อธิบายง่ายๆคือเกิดแท่งเทียนแดงใหญ่ๆที่ราคาต่ำกว่าแท่งก่อนหน้าติดกันสามแท่งหรือเกิดแท่งเทียนเขียวใหญ่ๆที่ราคาปิดสูงกว่าแท่งเทียนก่อนหน้าติดกันสามแท่ง
- หลังจากนั้นเกิดแท่งเทียนที่สี่ที่ราคาเปิดเป็นราคาสููงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า(ในขาลง)หรือหลังจากนั้นเกิดแท่งเทียนที่สี่ที่ราคาเปิดเป็นราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า(ในขาขึ้น)
- ราคาปิดของแท่งเทียนที่สี่ต้องสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่หนึ่ง(ในขาลง) หรือราคาปิดของแท่งเทียนที่สี่ต้องสูงกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่หนึ่ง(ในขาขึ้น) เราเรียกแท่งเทียนที่สี่นี้ได้ว่าเกิดสัญญาณกลับตัว
- เข้าLongที่ราคาเหนือราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สี่
- เข้าShortที่ราคาต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สี่
- ตั้งที่ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค
Stop loss ฝั่งshort
- ตั้งที่ราคาสูงสุดของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค
- ออกเมื่อเกิดสัญญาณกลับตัว
- ตั้งเป้าหมายที่สองเท่าของความยาวของแท่งเทียนที่สี่หรือแท่งที่เบรค
หมายเหตุ ความแม่นยำของรูปแบบนี้จะมีสูงเเมื่อเกิดรูปแบบบริเวณแนวรับหรือแนวต้านสำคัญ
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
เทรดตามแพทเทิร์น:MSH
วันนี้เราจะมาพูดถึงการเทรดตามรูปแบบราคากันหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า"Price Pattern" รูปแบบแรกที่จะขอนำเสนอคือMSH(Market Structure High) เนื่องจากว่ามีหลายทฤษฎีในการเทรดรูปแบบนี้ แต่การเทรดที่จะให้ความแม่นยำมากที่สุดคือเมื่อรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อถึงแนวต้านที่สำคัญ เช่น แนวต้านตามFibonacci,แนวต้านเดิมๆ,ฯลฯ
หลักการเทรด
แบบที่ 1
ตัวอย่างตามรูปข้างล่าง
หลักการเทรด
แบบที่ 1
- เอาราคาปิดเป็นหลัก
- ดูที่ราคาของแท่งเทียนสามแท่งย้อนหลัง
- ราคาปิดของแท่งเทียนที่สองต่ำกว่าแท่งเทียนที่หนึ่ง
- ราคาปิดของแท่งเทียนที่สามต่ำกว่าแท่งเทียนที่สอง
- เข้าShortเมื่อราคาปิดของแท่งเทียนถัดไปต่ำกว่าแท่งเทียนที่สาม
- แท่งเทียนที่สองทำจุดสูงสุดกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนแรก(higher high)
- แท่งเทียนที่สามทำจุดสูงสุดต่ำกว่าแท่งเทียนที่สอง(lower high)
- เข้าshortเมื่อมีแท่งเทียนถัดไปปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุด(low)ของแท่งเทียนที่ 3
- วางSTOP LOSSที่จุดสูงสุดของรูปแบบราคา(โดยทั่วไปเป็นราคาสูงสุดของแท่งเทียนแรกหรือแท่งเทียนที่สอง)
- วางเป้าหมายเมื่อเกิดการกลับตัวในแบบMSLบริเวณแนวรับสำคัญ
- ใช้Trailing stopเมื่อราคาเกิดกลับขึ้นมาสูงกว่าราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)