จากความเดิมในตอนที่สอง เราได้ทราบแล้วว่าทั้งคู่ไม่ได้สนับสนุนเรื่องTrans-Pacific Partnership(TPP)ที่ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศที่จะมีแนวโน้มเข้าร่วมอยู่ในข้อตกลงนี้ด้วย เราเองก็ต้องได้รับกระทบไม่น้อยทีเดียว
อ้างอิง http://www2.ops3.moc.go.th/
จากข้อมูลตามตารางข้างบนจะเห็นได้ว่าไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเป็นสัดส่วนที่มากที่สุด ไทยจึงต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่ไม่น่ากลัวเท่ากับว่าหากทรัมป์ได้เป็น ทรัมป์ได้ยืนยันชัดเจนถึงการกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะกับจีน ซึ่งในเมื่อจีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่สองของไทย หากจีนส่งออกไปอเมริกาไม่ได้ เราเองก็จะพลอยส่งไปจีนได้น้อยลงด้วย เรื่องจีนจะถูกกีดกันทางการค้านี้ส่งกระทบหนักไปถึงประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของจีนอย่าง เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และไต้หวัน เราจึงเห็นว่าเวลาที่โพลออกมาว่าทรัมป์จะได้ ค่าเงินของประเทศเหล่านี้ต่างอ่อนยวบยาบ แต่ก็ยังไม่หนักเท่าค่าเงินเปโซของเม็กซิโก ซึ่งตอนนี้แทบจะเป็นปรอทวัดถึงโอกาสแห่งชัยชนะของทรัมป์ไปแล้ว
เมื่อเรามาดูถึงคู่ค้าที่สำคัญของไทยในลำดับถัดๆมา ทุกประเทศต่างก็มีจีนและอเมริกาเป็นคู่ค้าที่สำคัญทั้งสิ้น จึงจะมองแค่ว่าผลกระทบจะมีแค่สัดส่วนการค้าของไทยกับสหรัฐอเมริกาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสัดส่วนของการส่งออกต่อGDP ถึง 62 % ดังนั้นแม้ว่าภาครัฐจะทุ่มเงินลงมาในMega Projectเท่าไหร่ การที่จะหวังว่าGDPของไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยที่ตัวเลขการส่งออกของไทยไม่ได้เติบโตไปด้วยจึงเป็นสิ่งที่หวังยาก
สรุป
โดยส่วนตัวจึงคิดว่าไม่ว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่เราจะได้เห็นค่าเงินในประเทศเกิดใหม่(Emerging Market)อ่อนค่าลงจากเงินที่ไหลออก เนื่องจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนของการเมืองโลกที่เกิดขึ้นและจากทิศทางของFedที่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้นจึงลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นในตลาดเกิดใหม่ แต่เมื่อไทยเองก็เป็นประเทศในตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนที่ลงทุนเฉพาะในไทยจึงควรย้ายกลุ่มไปพึ่งพิงหุ้นที่อิงต่อการอุปโภคบริโภคในประเทศ ไม่อิงกับหุ้นกลุ่มส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เน้นไปในหุ้นที่เกาะกระแสเทรนด์ของโลกและประเทศไทย 4.0 คือกลุ่มมีให้บริการทางอินเตอร์เนตและโครงสร้างทางเทคโนโลยี กลุ่มที่เป็นdefensiveอย่างโรงไฟฟ้า กลุ่มที่รับเทรนด์ของสังคมผู้สูงอายุ เช่น โรงพยาบาลและการท่องเที่ยว
ความคิดเห็นพิเศษ
เนื่องจากตอนนี้กำลังเข้าช่วงปลายปี หลายๆคนคงจะเตรียมตัวเดินทางไปท่องเที่ยวกัน หากทรัมป์ได้เป็น เราจะได้เห็นค่าเงินของประเทศจีน ไต้หวัน ออสเตรเลียและเกาหลีใต้อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินของสวิตเซอร์แลนด์แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินของญี่ปุ่น หากไม่มีนโยบายใหม่ๆจากรัฐบาลญี่ปุ่นเพื่อทำให้ค่าเงินอ่อน เราก็จะเห็นค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐเช่นกัน
ส่วนหนุ่มๆคนไหนกำลังคิดจะซื้อทองขอสาวที่หมายปองแต่งงาน หากคลินตันได้เป็นก็อาจจะใจเย็นเรื่องซื้อทองไปได้ แต่ถ้าทรัมป์ได้เป็นก็ต้องรีบวิ่งไปซื้อทองกันหน่อยหล่ะค่ะ
อ่าน " ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 1" บอกถึงนโยบายที่ทั้งสองคนมองต่างก้น ตามอ่านลิงค์นี้ค่ะ
อ่าน " ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 2" บอกถึงนโยบายที่ทั้งสองคนมองเหมือนกัน ตามอ่านลิงค์นี้ค่ะ
อ่าน" ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 3" เจาะลึกเรื่องนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตามอ่านลิงค์นี้ค่ะ
http://trade2bepro.blogspot.com/2016/11/3.html
****บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น มิได้เป็นคำแนะนำซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น