SET

SET FX
Commodities are powered by Investing.com UK

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 3








      จากสองบทความที่แล้วเราได้รู้ถึงนโยบายที่ทั้งคนมองต่างกันและนโยบายที่ทั้งสองคนมองเหมือนกันไปแล้วนะคะ สำหรับบทความนี้มาดูกันค่ะว่าเราจะนำความรู้ที่ได้มาใช้วิเคราะห์ในการลงทุนของเราอย่างไร 

นโยบายทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure Spending)

       อย่างที่เราทราบๆกันดีว่าโดยปกติทั่วไปแล้วประเทศที่นับว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว จะไม่ใช้งบประมาณในส่วนนี้มากมายเท่าใดนัก อย่างประเทศอเมริกาเองก็คงงบประมาณในด้านนี้มาในระดับต่ำมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 แต่มาในคราวนี้ในสองคนจะมาใช้งบประมาณในด้านนี้ โดยที่Clinton จะใช้ประมาณ 275 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนTrumpจะใช้สูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐหรือสูงกว่าClintonเกือบ 4 เท่าเลยทีเดียว แต่อ่านแล้วก็อาจจะยังคิดไม่ออกว่าเงินจำนวนที่ทั้งสองคนจะใช้มันมากมายมหาศาลขนาดนั้น ลองดูตารางและกราฟตามข้างล่างนี้ดูค่ะ อาจจะพอคิดคร่าวๆได้ถึงความมหาศาลของเงินงบประมาณที่จะทุ่มทุนสร้างในเรื่องนี้ 



แท่งเทียนแสดงเงินที่รัฐบาลจีนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992-2013เทียบกับประเทศต่างๆทั่วโลก


อ้างอิงจาก http://www.bloomberg.com/news/articles/2016-06-15/china-spends-more-on-infrastructure-than-the-u-s-and-europe-combined#media-2





                     จากข้อมูลของบนอาจจะเป็นไปตามที่หลายๆคนคาดคิดคือจีนเป็นผู้ใช้งบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานมากกว่าใคร การใช้งบประมาณในด้านนี้อย่างมหาศาลก็ได้ผลักดันให้ราคาCommoditiesขึ้นอย่างมากมายทั่วโลกมาแล้ว เมื่อกลับมามองที่อเมริกาหากทรัมป์ได้เป็นรัฐบาลและใช้งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐาน ก็ถือเป็นเงินไม่ใช่น้อยเลย ที่ผ่านมาอเมริกาใช้เงินไปในการทำQEทั้งหมดโดยประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐ (ทั้งโลกใช้ประมาณ 12.3 ล้านล้านดอลล่าสหรัฐ) ก็เท่ากับว่าใช้งบสร้างโครงสร้างพื้นฐานเกือบๆจะ 1 ใน 3 ของงบประมาณในการทำQEเลยทีเดียว เงินจำนวนนี้จึงทำให้เกิดการจ้างงานในอเมริกา ความต้องการในสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน แม้ว่านโยบายของทรัมป์จะทำให้เกิดการขาดดุลเพิ่มขึ้นไปอีก แต่เขาก็คาดหวังว่าการทุ่มทุนในเรื่องนี้จะผลักดันให้เศรษฐกิจโตจนมาชดเชยกับการขาดดุลในที่สุด

บทสรุป

                       หากถามว่าเมื่อดูเพียงนโยบายเรื่องโครงสร้างพื้นฐานแล้วจะลงทุนในอะไรดี ส่วนตัวแล้วคิดว่าสินค้าcommoditiesเป็นสิ่งที่น่าลงทุนหรือถ้าใครเล่นหุ้นที่อเมริกาก็ลองดูกลุ่มที่รับเหมาก่อสร้างงานจากภาครัฐดูค่ะ ส่วนว่าจะขึ้นแรงมากน้อยแค่ไหนนั้นก็คงบอกได้ว่าถ้าคลินตันได้ ด้วยเงินที่จะไหลเข้ามาน้อยกว่าก็น่าจะผลักดันราคาให้ขึ้นไปได้น้อยกว่า หากทรัมป์ได้เป็น ราคาก็น่าจะไปได้ไกลกว่าค่ะ

อ่าน "ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 4" ตามลิงค์นี้ค่ะ
http://trade2bepro.blogspot.com/2016/11/4_5.html

อ่าน " ผลกระทบของการเลือกตั้งอเมริกาต่อตลาดหุ้น ตอนที่ 1" ตามลิงค์นี้ค่ะ

อ่าน ตอนที่ 2 ในนโยบายที่ทั้งสองคนมองเหมือนกันตามลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ


****บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น มิได้เป็นคำแนะนำซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น