ในตอนนี้ตลาดทั่วโลกต่างจับตามองการเลือกตั้งอเมริกาที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่
8 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 ในระหว่างทางก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง เวลาที่มีโพลว่าคลินตันหรือทรัมป์มีคะแนนนำก็จะมีผลกระทบแรงๆต่อตลาดสักที เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่านโยบายของแต่ละคนเป็นอย่างไรและจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอย่างไร
นโยบายที่มองต่างกัน
Clinton
|
Trump
|
|
การเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดา
|
ต้องการเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดามากขึ้น
เพื่อนำไปใช้ในนโยบายประกันสุขภาพ,
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน,และการศึกษา
|
-ต้องการเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดาให้อยู่ในระดับเพดานสูงสุดที่
33 %
-ลดภาษีนิติบุคคลลงมาที่ 15 %
|
การเก็บภาษีจากกำไรจากการขายหุ้น
(Capital Gain Tax)
|
-เพิ่มภาษีcapital gain tax ปรับเป็นเพดานสูงสุดที่ 47.4%
-เปลี่ยนlong term gain taxจาก 1 ปี เป็น 6 ปี
|
-ลดภาษีcapital gain tax
-long term gain taxยังไม่ชัดเจน
-ยกเลิก 3.8% ACA surcharge
-คิดshort term gain tax ในอัตราต่ำสุด
|
น้ำมัน
|
-จะเน้นไปใช้พลังงานสะอาด เช่น
พลังงานไฟฟ้า พลังงานลม
-สนับสนุนการใช้ก๊าซธรรมชาติ
|
-สนับสนุนให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
ผ่านการผ่อนปรนกฏเกณฑ์ต่างๆ
-สนับสนุนให้ใช้ถ่านหิน
|
Health Care
|
-เพิ่มงบประมาณสำหรับใช้ในนโยบายประสุขภาพ
|
-ยกเลิกประกันสุขภาพ
|
ผลกระทบ
- เริ่มจากนโยบายที่เกี่ยวกับเรื่องภาษีจะเห็นได้ว่านโยบายของทางฝั่งคลินตันทำให้ตลาดหุ้นไม่น่าลงทุน ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
การลงทุนในหุ้นอเมริกาให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก
จึงมีโอกาสเป็นไปได้ว่าหลังจากที่ตลาดรับข่าวแล้ว เราอาจจะเห็นแรงขายในหุ้นอเมริกาเพื่อที่จะล็อคกำไรในตัวที่นักลงทุนได้กำไรออกมา
- ฝั่งทรัมป์มีนโยบายที่เอื้อต่อตลาดหุ้น หลังจากตลาดรับข่าวแล้ว จึงมีโอกาสที่เราจะได้เห็นแรงขายจากนักลงทุนในหุ้นที่มีกำไรชะลอไปปี 2017 เพื่อรับกับเกณฑ์ภาษีใหม่
จะได้เสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าเดิม
- ในด้านผลกระทบที่มีต่อราคาน้ำมัน
เนื่องจากนโยบายของคลินตันจะทำให้demandที่มีต่อน้ำมันลดลง ส่วนทรัมป์ทำให้supplyเพิ่มขึ้น
จึงทำให้ในระยะกลางแล้ว ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อราคาน้ำมัน
- หากคลินตันได้เป็นประธานาธิบดี กลุ่มโรงพยาบาลก็จะดี
ถ้าหากทรัมป์ได้ จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อกลุ่มโรงพยาบาล
*** ติดตามตอนที่ 2 ในนโยบายที่ทั้งสองคนมองเหมือนกันตามลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ
http://trade2bepro.blogspot.com/2016/11/2.html
****บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น มิได้เป็นคำแนะนำซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
http://trade2bepro.blogspot.com/2016/11/2.html
****บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อแสดงความคิดเห็น มิได้เป็นคำแนะนำซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น